อนาคต


ไม่มีหนทางใดโรยด้วยกลีบกุหลาบ ฉันใดก็ฉันนั้น ถึงแม้ NFC จะฟังดูวิเศษอย่างไรก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าหนทางนั้นจะไร้ซึ่งอุปสรรคซะทีเดียว
                ปัญหาอย่างแรกที่ NFC ต้องเผชิญจากแรงต้านทางก็คือ ด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน ซึ่งอาจแก้ไขได้ไม่ยากเย็นนักและยังมีเวลาพัฒนาอยู่เพราะโครงการ NFC หลายๆที่ยังอยู่ระหว่างการทดลองใช้งาน ดังนั้นยังพอมีเวลาเหลือเฟือที่จะพัฒนาการรักษาความปลอดภัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านของการเข้ารหัสข้อมูล การใช้พินโค้ด หรือเทคโนโลยีด้านการป้องกันอื่นๆทั้งนี้ จะว่าไปก็เหมือนกับบริการธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ตทั้งหลายที่ไม่ได้รับความนิยมนักในตอนแรกด้วยเหตุผลเดียวกัน แต่ในปัจจุบันก็ใช้งานกันจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
                ปัญหาที่น่าสนใจกว่าคือ การวางโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีให้แพร่หลาย ซึ่งก็คือปัจจุบันมือถือที่รองรับเทคโนโลยี NFC ยังมีอยู่น้อยมาก และจะทำอย่างไรให้บรรดาร้านค้าต่างๆ เห็นดีเห็นงามด้วยกับเทคโนโลยีนี้และจะยอมลงทุนติดตั้งเครื่องอ่าน NFC ให้มากขึ้นเหมือนกับเครื่องอ่านบัตรเครดิตหรือเครื่องแคชเชียร์ แน่นอนว่าเราคงไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ในช่วงข้ามคืนอย่างแน่นอน ที่น่าคิดคือประเด็นนี้เป็นปัญหาที่ต้องรีบลงมือกระทำ ยิ่งในแง่ของเจ้าของร้านอาจไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรีบนำ NFC มาใช้งานเพราะยังมีการใช้งานในจำนวนน้อย ทั้งนี้จึงทำให้ผู้บริโภคไม่เห็นความน่าสนใจในเทคโนโลยีนี้ และไม่คิดจะลงทุนทำการซื้อมือถือที่มีเทคโนโลยี NFC
                อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันเทคโนโลยี NFC ได้ถูกนำไปใช้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นแล้วในประเทศเอเชียหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นได้เริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี ค.. 2004 จึงทำให้มีการขยายการใช้งานของเทคโนโลยี  แต่ภายในญี่ปุ่นจะเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Felica ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่พัฒนาโดย Sony แต่ก็กำลังวางอผนเปลี่ยนไปใช้ NFC แทนในอนาคตเพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าลิขสิทธิ์



พัฒนาการ NFC ในปัจจุบัน                                                                                        
ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมากล่าวไว้ว่า ตลาดเอเชียเป็นตลาดที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมากกว่าที่ใดในโลก โดยสามารถใช้โทรศัพท์แทนกระเป๋าสตางค์ แทนบัตรพนักงานเข้าสู่อาคารหรือแทนบัตรโดยสารขนส่งมวลชนก็ได้ครับ  อย่างในประเทศไทยก็เคยมีการทดลองใช้พอสมควร เมื่อปี 2006 บริษัท KTC ผู้ให้บริการบัตรเครดิตเคยจับมือกับ Nokia ทดลองนำเทคโนโลยี NFC นี้มาใช้แทนบัตรเครดิตและเดบิต หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทยอยออกเทคโนโลยี NFC มาทดลองใช้แทน Sim เดิมแต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยม  ซึ่งล่าสุดนี้ผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่า นี่อาจถึงเวลาที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดแล้ว โดยก่อนหน้านี้ที่เทคโนโลยีนี้ไม่เป็นที่นิยมคาดว่าเป็นเรื่องยากที่จะขอให้ร้านค้าติดตั้งเครื่องอ่าน NFC เพิ่มจากเครื่องรับบัตรเครดิตที่มีอยู่ แต่ตอนนี้อุปกรณ์มีราคาถูกลงมากแล้วและผู้คนก็เริ่มสนใจในเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกมากขึ้น จึงไม่แน่ที่ NFC จะกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยเช่นกันครับ
          ดูเหมือนว่า อนาคตอันใกล้นี้ ถนนทุกสายของเทคโนโลยีจะมุ่งหน้าสู่เทคโนโลยีสื่อสารระยะใกล้ไร้สาย ผ่านทาง NFC เพราะไม่ว่าจะเป็นมือถือ Android ที่ Google เริ่มพัฒนาระบบแล้ว หรือจะเป็นมือถือรุ่นใหม่ๆ ต่อจากนี้ ที่จะมีชิป NFC ด้วย ไม่ว่าจะเป็นมือถือ BlackBerry รุ่นใหม่ๆ หรือจะเป็นมือถือ iPhone 5 ที่น่าจะมาภายในปีนี้

ล่าสุด BMW ก็ได้ใส่ชิป NFC เอาไว้ในกุญแจรถ BMW ด้วยเช่นเดียวกัน โดยสามารถใช้งานได้หลายแบบ เป็นประโยชน์มากจริงๆ
         ลองจินตนาการ กุญแจรถ BMW ที่ใช้ start ขับรถได้แล้ว, ยังสามารถใช้ควบคุมสื่อสารกับการฟังเพลงดูหนังในรถ หรือระบบนำทาง GPS ก็ได้, หรือจะใช้เป็นตั๋วโดยสารขึ้นรถไฟก็ได้, ใช้จองโรงแรมที่พักก็ได้ และเวลา check-out ก็เอาไว้ชำระเงินได้, สามารถโอนถ่ายข้อมูลระหว่างกุญแจรถ กับมือถือได้, เวลาไปห้างซื้อของ ก็เอาไว้ชำระเงินค่าสินค้าก็ได้ และอื่นๆ

           BMW บอกว่า ระบบชิป NFC ในกุญแจรถ BMW นั้น ปลอดภัยกว่า การใช้ชิป NFC บนมือถือ เพราะว่า ระบบบนกุญแจรถ BMW นั้นเป็นระบบปิด และมีการเข้ารหัสที่แน่นหนา    อย่างไรก็ตาม นี่ยังอยู่ในขั้นทดลองกับรถ BMW ConnectedDrive อยู่ แต่คงอีกไม่นานแน่ที่เจ้าของรถ BMW จะได้ใช้กุญแจของตัวเองแบบอัจฉริยะ



เมื่อช่วงต้นปี 2554  Google  ได้ออกมารายงานถึง การนำเทคโนโลยี NFC การชำระเงินผ่านมือถือที่ติดตั้งลงในระบบปฏิบัติการ Android หลังจากที่ได้ติดตั้งลงบนมือถือ Google Nexus S ไปแล้ว ซึ่งกำลังทดสอบระบบในแคลิฟอร์เนียและซานฟรานซิสโกอยู่ในขณะนี้
ล่าสุดรายงานจาก Bloomberg ระบุว่าไมโครซอฟท์คาดว่าจะติดตั้งเทคโนโลยีการชำระเงินทางมือถือในรุ่นถัดไปของมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกในการชำระค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ บนสมาร์ทโฟน WP7 โดยทางไมโครซอฟท์ตั้งเป้าอัพเดทการทำงานดังกล่าวให้ทันภายในปีนี้ ซึ่งคาดว่ามูลค่าของการบริการชำระเงินผ่านมือถือจะสูงถึง 245 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2014 ตามการวิจัยการตลาดจาก Gartner
               Google, Android, WP7 เริ่มต้นแล้ว ส่วนทางด้าน RIM ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับการชำระค่าบริการผ่าน BlackBerry ที่ทำงานร่วมกับธนาคาร Bank of America ส่วนของ Apple คาดว่าจะยังไม่มีการให้บริการชำระเงินผ่าน iPhone ภายในปีนี้ แต่ก็ไม่แน่คงต้องรอดู iPhone 5 ที่จะออกมาก่อน สำหรับบ้านเราคงต้องรอไปก่อน งานนี้ต้องติดตามดูกันในภาคต่อไป
  ล่าสุด ธนาคาร Wells Fargo ของสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มทดสอบระบบการชำระเงินด้วยมือถืออีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยล้มเหลวไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยจะทดสอบเป็นเวลา 6 เดือนด้วยกัน ใช้พนักงานที่ซานฟรานซิสโกประมาณ 200 คนในการทดสอบครั้งนี้
 
ปัจจุบันมีมือถือน้อยรุ่นที่รองรับเทคโนโลยี NFC หรือ Near-Field Communications หรือการรับส่งข้อมูลสื่อสารกันด้วยคลื่นระยะสั้น ระหว่างตัวมือถือ กับเครื่องอ่านเพื่อการชำระเงิน
ทางธนาคาร Wells Fargo จึงได้พัฒนาการ์ด microSD รุ่นพิเศษลงไป เพื่อให้ใช้งานชำระเงินด้วยมือถือได้
เมื่อเวลาที่จะจ่ายเงิน ก็เข้าโปรแกรม Wells Fargo Mobile Banking app บนมือถือ, กดปุ่ม pay-with-phone, แล้วก็โบกมือถือ ไปมาที่เครื่องอ่าน เพื่อชำระเงิน

   ในปีนี้ 2011 สำนักวิเคราะห์ ISuppli คาดการณ์กันว่า มือถือประมาณ 50% จะมาพร้อมกับการรองรับเทคโนโลยี NFC และสำนักวิเคราะห์Aite Group ก็คาดว่า ภายในปี 2015 จะมียอดการใช้จ่ายผ่านมือถือประมาณ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ



   Nokia ก็ได้ประกาศว่า มือถือรุ่นใหม่ๆ ของ Nokia ตั้งแต่ปี 2011 จะรองรับเทคโนโลยี NFC, และเครือข่ายมือถือ อย่าง AT&T, Verizon, T-Mobile ของสหรัฐอเมริกา ก็ประกาศความร่วมมือที่จะสร้างเครือข่ายภาพรวมประเทศ ที่สามารถใช้งานเทคโนโลยี NFC ได้ภายในอีก 18 เดือน            นอกจากนี้ Visa และ MasterCard ก็ได้ขยับตัวเพื่อจะพัฒนาระบบ NFC ของตนเองแล้ว

ความจริงแล้ว เทคโนโลยี NFC สามารถนำมาใช้ได้มากกว่า การชำระเงิน แต่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล, การค้นหาข้อมูล, ใช้แทนกุญแจการผ่านเข้าออกประตู และอื่นๆ อีกมากมาย


  ธนาคาร บอกว่า จุดแข็งของการทดสอบครั้งนี้ ก็คือว่า ทุกคนพกมือถืออยู่แล้ว เพียงแค่ใส่การ์ด microSD ลงไป ส่วนมือถือ iPhone ใส่ไม่ได้ ก็ต้องใส่ปลอกแบบพิเศษเพิ่มเข้าไป, แต่ว่าการทดสอบเมื่อ 3 ปีที่แล้วล้มเหลว เพราะว่าตอนนั้นธนาคารแจกมือถือ Nokia 6131 NFC phone ซึ่งหลายคนลืมที่จะพกมันไปด้วย อาจจะเป็นมือถือที่ไม่ค่อยน่าสนใจ
ธนาคาร Wells Fargo ที่สหรัฐอเมริกานั่น ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในทรัพย์สิน และส่วนแบ่งการตลาด แต่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเรื่องเงินฝาก, การปล่อยกู้ และบัตรเดบิต
อนาคตเราอาจจะได้ยินสโลแกนนี้บ่อยขึ้น Leave Wallets Home, Pay by Phoneหรือ เก็บกระเป๋าตังค์คุณไว้ที่บ้านได้เลย จ่ายเงินด้วยมือถือแทน

ถ้าว่าไปแล้วเรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เลยถ้าได้คุยกับชาวญี่ปุ่น ผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่อย่าง NTT docomo เปิดให้บริการที่ชื่อว่า Osaifu Keitaiหรือ Mobile Wallet ในปี 2004 ที่สามารถเก็บข้อมูลทั้ง Credit Card, ID Card, ตั๋วรถไฟ,ใช้ชำระเงิน และดูคอนเทนต์ต่างๆได้มานานแล้ว โดยพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี Contactless ของ Sony Felica และใส่ไปในเครื่องโทรศัพท์มือถือ แม้เทคโนโลยีที่ใช้จะไม่ใช่มาตรฐาน NFC ก็ตาม แต่ก็ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นเป็นอย่างสูง ต้องออกตัวก่อนว่าตลาดในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างจะต่างกับประเทศอื่นตรงที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือสามารถกำหนดและควบคุมคุ
ณสมบัติของเครื่องและให้ผู้ผลิตเครื่องผลิตตามได้ และปัจจัยความสำเร็จอีกอย่างคือการเตรียมระบบ, environment กับบริษัทต่างๆที่เป็น Partner ไว้อย่างดีและกลมกลืนกัน ทำให้บริการดังกล่าวสามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและแจ้งเกิดได้ในแดนอาทิตย์อุทัย อย่างไรก็ตามรูปแบบการใช้งานดังกล่าวก็ไม่ได้แพร่หลายไปสู่ประเทศอื่น
จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยี NFC ได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายแล้ว อาทิเช่น  Samsung , Nokia , แม้แต่ Android OS 2.3 “Gingerbread” ก็จะรองรับเทคโนโลยีดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีข่าวแว่วๆ ออกมาว่าทั้ง HTC, BlackBerry, iPhone  (ซึ่งไม่รู้รุ่นไหนในอนาคต) ก็จะทยอยตามออกมากันทั้งนั้น และนี่เป็นคำถามที่ว่า Apple จะกลายเป็นรายที่เข้ามาเขย่าวงการผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออีกหรือไม่ โดยเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตรายอื่นผนวกเอา Chip NFC เข้าไปในหลาย model มากขึ้น ในขณะที่ NTT docomo ก็กำลังปรับเพิ่มฟังก์ชั่นให้เครื่องรุ่นใหม่และเครื่องรุ่นเดิมที่อยู่ในตลาดสามารถใช้เทคโนโลยีเดิมและ NFC ควบคู่กันไปก่อน และอาจเปลี่ยนไปใช้ NFC อย่างเต็มรูปแบบในปี 2013 ผู้เล่นรายอื่นในญี่ปุ่นทั้ง KDDI และ Softbank ก็ต่างปรับตัวเช่นกันโดยล่าสุด Softbank ออกมาจับมือกับบริษัท Gemalto (ผู้นำด้าน Smart Card ยักษ์ใหญ่ของโลก) ร่วมทดสอบระบบการชำระเงินด้วยเทคโนโลยี NFC แบบไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ใหม่เพียงเสริมอุปกรณ์พิเศษเข้าไประหว่าง SIM จริงและ Interface ของ SIM เท่านั้น

โดยเทคโนโลยี NFC ได้มีการเปิดใช้งานในมือถือ  Nokia ซึ่งเปิดตัวมือถือรุ่นล่าสุด Nokia 6216 classic ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยๆ ที่เรียกว่า NFC หรือ near-field communications – เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายระยะสั้น ซึ่งสามารถใช้งานกับซิมเฉพาะที่จะช่วยให้มือถือสามารถใช้สำหรับจ่ายค่าสินค้าและบริการได้โดยตรง แค่นำมือถือไปทาบหรือแตะใกล้ๆ กับเครื่องอ่าน ตัวอย่างไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือบริการรถไฟฟ้า แต่ว่าถึงจะไฮเทคทันสมัย แต่บ้านเราคงจะยังไม่รองรับ
สำหรับรุ่นนี้รองรับ 3G มีบลูทูธ มีกล้อง 2 ล้านพิกเซล หน้าจอขนาด 2 นิ้ว ความละเอียด 240×320 พิกเซล รองรับหน่วยความจำ microSDHC สูงสุด 8GB โดยทางโนเกียเตรียมออกวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 150 ยูโร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น