ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงขององการธุรกิจต่างๆ
รวมถึงวิธีชีวิตแบบใหม่ๆของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไป เมื่อมีมือถือที่ฝังชิป NFC อยู่ใกล้ๆตัว
Micropayment l ใช้เงินโดยไม่จับเงิน
ตั๋วอัจฉริยะที่ไม่ใช่แค่กระดาษ
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณกุมมือดูหนังกับคนพิเศษ
ไม่มีใครเลยที่คิดจะเก็บตั๋วหนังเอาไว้เกิน 3 นาที
และตั๋วเหล่านี้ยังรวมถึง ตั๋วรถเมล์ ตั๋วคอนเสิร์ต ฯลฯ แต่หลังจากมี NFC ในมือถือ ตั๋วเหล่านั้นจะถูกแปรสภาพเป็นรหัสไบนารี่โค้ด 0100010 เพื่อแทนที่ตั๋วกระดาษ
กรณีศึกษาการใช้ NFC แทนที่ตั๋วต่างๆ
เมื่อใดที่คุณออกจากโรงภาพยนตร์
ก็เพียงนำมือถือแตะที่เครื่องเพื่อตอบแบบสอบถามก็สามารถลุ้นรางวัลใหญ่จากโรงหนัง
หรือดูตัวอย่างหนังที่กำลังจะเข้าโรงได้ ส่วนในกรณีที่เป็นงานคอนเสิร์ต คุณสามารถดูตำแหน่งที่นั่งของคุณได้จากมือถือทันทีที่เดินผ่านประตู
ส่วนเมื่อแตะมือถือแทนค่าตั๋วรถเมล์
ก็จะเปิดแอปพลิคชันให้คุณทราบตำแหน่งเส้นทางของรถ
และสามารถเตือนเมื่อใกล้ถึงจุดหมายได้
ป้ายโฆษณาอินเตอร์แอคทีฟ
หวังผลจริง วัดผลได้
ฟังมาทั้งหมดวงการที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตื่นเต้นที่สุดเห็นจะไม่พ้นวงการโฆษณา
ที่เมื่อก้าวมาถึงยุค “สื่อใหม่ (New Media)” แล้ว การตลาดบนมือถือ (Mobile Marketing)” ดูเหมือนจะเป็นกิมมิกที่มาแรงเอามากๆ
และ NFC ก็ทำให้ทั้งแบรนด์ และกลุ่มเป้าหมายมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ
การทราบผลอย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์อีกด้วย
กรณีศึกษาการใช้ NFC
ในการทำโฆษณาบนมือถือ
เมื่อใดที่แตะมือถือเข้ากับโปสเตอร์
หรือป้ายไฟโฆษณาที่เดินผ่าน คุณก็สามารถจะได้รับทราบข้อมูลอื่นๆ
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ รวมถึงการร่วมสนุกกับกิจกรรมการตลาด
รวมถึงการได้คูปองเพื่อนำไปแลกสินค้าตัวอย่างได้อีกด้วย เทคนิคนี้เรียกว่า “Proximity Marketing” ซึ่งทำให้แบรนด์ที่ลงโฆษณาสามารถทราบฟีดแบคจากลูกค้าได้ทันที
ไม่ต้องเสียงบมาทำแบบสำรวจอีกครั้ง
4 ตัวอย่างกรณีศึกษาข้างต้นล้วนบอกแต่ข้อดีของการใช้มือถือที่ฝังชิป
NFC แต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่ผู้ร่วมพัฒนาระบบจะต้องจัดการและสร้างมาตรฐานกลางก่อนที่จะเผยแพร่ไลฟสไตล์ไฮเทคนี้สู่สาธารณะ
ไม่ว่าจะเป็น…
·
การเข้าระบบอย่างแน่นหนาในการโอนจ่ายเงิน
หรือการรับ-ส่งข้อมูลต่างๆ ระหว่างมือถือกับเครื่องอ่าน
·
การกำหนดวงเงินในการจ่ายเงินผ่านมือถือแต่ละครั้ง
ค่าธรรมเนียมการโอน และเติมเงินเข้ามือถือ หรือในกรณีที่ต้องการจ่ายเงินเกินวงเงิน
จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์อื่นใช้ส่งรหัสยืนยันตัวตน
เพื่ออนุญาตให้ดำเนินการโอนเงินได้
·
การเก็บประวัติการใช้งานการทำธุรกรรมของลูกค้าแต่ละรายไว้ในระบบที่มีการเข้ารหัสเอาไว้
แต่ก็ยังสามารถเข้าถึงเป็นรายบุคคลตราบเท่าที่ผู้ใช้อนุญาต
·
การร่าง หรือปรับประมวลกฎหมายที่ครอบคลุมถึงการลักลอบสแกนรหัส
ไปจนถึง จำนวนตัวเลขขั้นต่ำของวงเงินที่หายไป (เมื่อมือถือหาย)
เพื่อที่จะนำมาสู่การฟ้องร้องเอาผิดทางกฎหมาย (ในต่างประเทศ ต้องมากกว่า 1,500 บาท)
ถึงตอนนี้
เมื่อมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์เมืองไทยแล้ว ผู้เขียนเล็งเห็นว่าอัตราการเติบโตของการใช้มือถือฝังชิป
NFC นั้นจะผกพันไปตามการได้รับความนิยมในเครื่องสมาร์ทโฟนนั้นๆ
เป็นหลัก นอกจากนี้ผู้เล่นต่างๆ ในเมืองไทยก็เหมือนจะพร้อมรับมือกันอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นหลายบริษัทในเครือทรู อย่าง ทรูมันนี่ 7-11 รวมถึงค่ายมือถือ
และธนาคารที่ออกระบบการชำระเงินผ่านมือถือมามากมายก่อนหน้านี้ อาทิ กสิกร เอไอเอส
ฯลฯ
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับ “ผู้บริโภค” แล้วว่าจะยอมเปิดใจรับไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ให้คุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกับมือถือเครื่องโปรดของตนหรือไม่? หากอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าสามารถกำหนดวงเงินการใช้จ่ายผ่านมือถือได้ตลอด
และรู้จักบริหารงบดุลในกระเป๋าได้ดี อนาคตของมือถือ NFC ในไทยก็จะสดใสอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น